Red Hat Enterprise Linux 9

ดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งาน
 

Red Hat Enterprise Linux 9 สร้างนิยามใหม่ให้กับเทคโนโลยีที่เป็นจุดศูนย์กลางของนวัตกรรม

- เป็นแพลตฟอร์ม Linux ชั้นนำของโลกที่ใช้ในองค์กรจับคู่กับโค้ดที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้ด้วยบริการต่าง ๆ บนคลาวด์ เป็นพลังขับเคลื่อนเวิร์กโหลดในสภาพแวดล้อมการผลิตทั้งแบบดั้งเดิมและรุ่นใหม่

- Red Hat Enterprise Linux 9 ได้รับการออกแบบสำหรับการประมวลผลที่ edge และมัลติคลาวด์ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและบริหารจัดการได้ทุกที่ที่ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นในดาต้า เซ็นเตอร์ บนคลาวด์ หรือที่ edge

- Red Hat Enterprise Linux ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากการคาดการณ์ว่ามูลค่าการใช้ Red Hat Enterprise Linux ในภาพรวมจะแตะระดับที่สูงกว่า 13 ล้านล้านเหรียญฯ ในปี 2565

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 เร้ดแฮท อิงค์ (Red Hat) ผู้ให้บริการด้านโซลูชันโอเพ่นซอร์สระดับ แนวหน้าของโลก แนะนำ Red Hat Enterprise Linux 9 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ Linux ออกแบบมาเพื่อ ขับเคลื่อนนวัตกรรมบนโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ทุกระบบอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้งอยู่ใน องค์กร ผู้ให้บริการคลาวด์ต่าง ๆ และ ณ edge ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงที่อยู่นอกสุดของเน็ตเวิร์กขององค์กร

Red Hat Enterprise Linux 9 ออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนการทรานส์ฟอร์มขององค์กร ควบคู่กับการพัฒนา ของกลไกตลาด และความต้องการของลูกค้าในโลกของไอทีแบบอัตโนมัติและแบบจัดสรรปันส่วนไปตาม ที่ต่าง ๆ (distributed IT) Red Hat Enterprise Linux ทำหน้าที่เป็นแกนหลักให้กับระบบไอทีขององค์กรทั้งในดาต้าเซ็นเตอร์ และบนคลาวด์มาเป็นเวลาสองทศวรรษแล้ว โดยเน้นให้ลูกค้ามีทางเลือกและมีความยืดหยุ่น แพลตฟอร์มสำหรับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ นี้ ช่วยให้ลูกค้าของ Red Hat เลือกสถาปัตยกรรมพื้นฐาน เลือกผู้ให้บริการแอปพลิเคชันและผู้ให้บริการคลาวด์ ที่มีสมรรถนะและมีโซลูชันที่ทำงานร่วมกับระบบไอทีที่ทันสมัยได้ตามต้องการ การทำงานร่วมกันนี้ ส่งผลให้ Red Hat Enterprise Linux กลายเป็นจุดศูนย์กลางของการสร้างสรรค์นวัตกรรม ข้อมูลจากการศึกษาของ IDC ที่สนับสนุนโดย Red Hat คาดการณ์ว่ามูลค่าการใช้

Red Hat Enterprise Linux ทั่วโลกจะสูงกว่า 13 ล้านล้านเหรียญฯ ในปี 2565 โดยรวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ให้กับลูกค้าของ Red Hat ซึ่งคาดว่าจะให้ผลประโยชน์ทางการเงินรวม 1.7 ล้านล้านเหรียญฯ ในปี 2565

 

แพลตฟอร์ม Linux ระดับองค์กรซึ่งเป็นแพลตฟอร์มชั้นแนวหน้าของโลกเวอร์ชันล่าสุดนี้ สร้างจากนวัตกรรมที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งมาหลายทศวรรษ และเป็นเวอร์ชันที่นำออกใช้จริงรุ่นแรกที่สร้างจาก CentOS Stream ซึ่งเป็นการพัฒนาล้ำหน้าอย่างต่อเนื่องของ Red Hat Enterprise Linux แนวทางนี้ช่วยให้ระบบนิเวศของ Red Hat Enterprise Linux กว้างขวางมากขึ้น จากพันธมิตร ลูกค้า ไปจนถึงผู้ใช้ทั่วไป รวมถึง การให้ข้อมูลป้อนกลับ การอัปเดทโค้ดและฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้กับแพลตฟอร์ม Linux ระดับองค์กรที่มีประสิทธิภาพชั้นนำของโลก

IDC คาดการณ์ว่า "ภายในปี 2566, 40% ของบริษัทในกลุ่ม G2000 จะเปลี่ยนกระบวนการคัดเลือกคลาวด์เสียใหม่ เพื่อเน้นผลลัพธ์ทางธุรกิจ มากกว่าความต้องการด้านไอที โดยให้ความสำคัญกับการเข้าถึงพอร์ตโฟลิโอของผู้ให้บริการตั้งแต่อุปกรณ์ไปจนถึง edge และตั้งแต่ข้อมูลไปจนถึงระบบนิเวศ" สำหรับ Red Hat ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มมาตรฐานที่สามารถเข้าถึงฟุตพริ้นท์เหล่านี้ทั้งหมดได้ และมอบ ประสบการณ์ที่ปรับให้เหมาะสมกับทั้งนวัตกรรม และความคงเส้นคงวาในการสร้างสรรค์เป็นสิ่งสำคัญ โครงสร้างของ Red Hat Enterprise Linux 9 ได้รับการสร้างสรรค์มาเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้และความต้องการอื่น ๆ แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ทีมปฏิบัติการและนักพัฒนาได้ใช้ความคิดริเริ่มหรือโครงการใหม่ ๆ โดยไม่ต้องยกเลิกเวิร์กโหลดหรือระบบต่าง ๆ ที่ใช้อยู่

แพลตฟอร์มที่แพร่หลายสำหรับการสร้างนวัตกรรมที่ใช้ได้ต่อเนื่อง ทั้งกับดาต้าเซ็นเตอร์ ผู้ให้ บริการคลาวด์ และ edge

Red Hat Enterprise Linux มีความพร้อมใช้งานสูงและมีทางเลือกในการใช้งานมากมายในตลาดคลาวด์ชั้นนำต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ Red Hat Enterprise Linux ได้ทุกที่ทุกวิธีที่เหมาะกับความต้องการในการทำงานที่เฉพาะของลูกค้าแต่ละราย ลูกค้าปัจจุบันสามารถโยกย้ายสิทธิ์การเป็นสมาชิก Red Hat Enterprise Linux ไปใช้งานบนระบบคลาวด์ที่เลือกได้ด้วย Red Hat Cloud Access ลูกค้ารายใดที่กำลังต้องการปรับขนาดการใช้งาน และมองหาคลาวด์ที่ตรงตามความต้องการ จะสามารถใช้แพลตฟอร์ม ออน-ดีมานด์จากผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ในตลาดได้ เช่น Amazon Web Services (AWS), Google Cloud, IBM Cloud และ Microsoft Azure

องค์กรให้ความสนใจกับการประมวลผลที่ edge มากขึ้น และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าตลาดมากกว่าหนึ่งในสี่ล้านล้านเหรียญฯ ภายในปี 2568 และแพลตฟอร์มที่มีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วไปนี้ก็ขยายการใช้งานไปถึง edge โดยประสิทธิภาพสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ Red Hat Enterprise Linux 9 นี้เป็นความสามารถที่ออกแบบมาอย่างเจาะจงตอบโจทย์ความต้องการด้านไอทีที่ edge ที่เคลื่อนไหวตลอดเวลาความสามารถเหล่านี้ประกอบด้วย

การบริหารจัดการ edge ที่ครอบคลุม ส่งมอบในลักษณะ as a service เพื่อควบคุมตรวจสอบและปรับขนาดการใช้งานจากระยะไกลด้วยฟังก์ชันด้านการควบคุมและความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ครบครันด้วยการจัดเตรียมงานแบบไร้สัมผัส สามารถเห็นความสมบูรณ์ของระบบ และเพิ่มการตอบสนองการลดความเสียหายจากช่องโหว่ทั้งหมดจากอินเทอร์เฟซเดียวมากขึ้น

การกู้คืน (roll-back) คอนเทนเนอร์ไปยังเวอร์ชันก่อนหน้าโดยอัตโนมัติ ด้วย Podman ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการบริหารจัดการคอนเทนเนอร์แบบเบ็ดเสร็จของ Red Hat Enterprise Linux ที่สามารถตรวจจับได้อย่างอัตโนมัติหากคอนเทนเนอร์ที่ได้รับการอัปเดทใหม่ไม่สามารถทำงานได้ และทำการกู้คืนคอนเทนเนอร์กลับไปยังเวอร์ชันการทำงานก่อนหน้าได้โดยอัตโนมัติ

Red Hat Enterprise Linux 9 ยังเน้นให้เห็นถึงความพยายามของ Red Hat ที่จะให้บริการฟังก์ชันระบบปฏิบัติการสำคัญต่าง ๆ ในรูปแบบการให้บริการ (as services) โดยเริ่มด้วย new image builder service. ที่ใช้ได้กับฟังก์ชันบนแพลตฟอร์มหลักที่มีอยู่แล้ว บริการนี้รองรับการสร้างอิมเมจสำหรับระบบไฟล์ที่ปรับแต่งเฉพาะ และผู้ให้บริการคลาวด์หลัก ๆ รวมถึงเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชัน เช่น AWS, Google Cloud, Microsoft Azure และ VMware

Red Hat ทำงานร่วมกับ AWS มากว่าทศวรรษ เพื่อสนับสนุนการเปิดตัวเวอร์ชันล่าสุดของ Red Hat Enterprise Linux บน AWS โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ลูกค้าสามารถใช้เวิร์กโหลดที่อยู่บน Red Hat Enterprise Linux บนอินสแตนซ์ของ AWS ที่ใช้ระบบประมวลผล Graviton ออกแบบโดย AWS ได้ การทำงานร่วมกันของ Red Hat Enterprise Linux 9 กับระบบประมวลผล Graviton ของ AWS ช่วยปรับประสิทธิภาพด้านราคาให้เหมาะสมสำหรับเวิร์กโหลดคลาวด์หลากหลายที่ทำงานกับ Amazon Elastic Compute Cloud (Amazon EC2)

แกนหลักเพื่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ทุกที่ ที่แข็งแกร่งมากขึ้น

การที่ทีมไอทีนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ และขยายการใช้งานไปยังรูปแบบการปฏิบัติการใหม่ ๆ ทำให้ภัยคุกคามกลายเป็นเรื่องซับซ้อนมากขึ้นและมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา Red Hat Enterprise Linux 9 ยังคงความมุ่งมั่นของ Red Hat ในการนำเสนอแพลตฟอร์ม Linux ที่มั่นคงปลอดภัย ซึ่งสามารถรับมือกับเวิร์กโหลดที่ละเอียดอ่อนที่สุด และจับคู่นวัตกรรมกับความสามารถด้านความปลอดภัยที่รัดกุมมากขึ้น เมื่อสมัครใช้งาน Red Hat Enterprise Linux ลูกค้ายังสามารถเข้าใช้งาน Red Hat Insights ซึ่งเป็นบริการ การวิเคราะห์เชิงรุกอย่างต่อเนื่องของ Red Hat เพื่อตรวจจับและแก้ไขปัญหาด้านการกำหนดค่าและช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและการใช้งานของสมาชิกบนไฮบริดคลาวด์ด้วย

สิ่งที่มีมากกว่าความแข็งแกร่ง การทดสอบ และการสแกนหาช่องโหว่ที่เป็นคุณสมบัติของ Red Hat Enterprise Linux ทุกรุ่นแล้ว Red Hat Enterprise Linux 9 ยังรวบรวมฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ช่วยแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยระดับฮาร์ดแวร์ เช่น Spectre และ Meltdown ตลอดจนความสามารถที่ช่วยให้กระบวนการต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ของผู้ใช้งาน สามารถสร้างบริเวณหน่วยความจำที่ไม่สามารถเข้าถึงโค้ดที่อาจเป็นอันตรายได้ แพลตฟอร์มนี้ยังได้เตรียมความพร้อมและตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยให้กับลูกค้า และรองรับข้อกำหนดของ PCI-DSS, HIPAA และข้อกำหนดอื่น ๆ

Red Hat Enterprise Linux 9 ยังเพิ่ม Integrity Measurement Architecture (IMA)digital hashes and signatures โดยผู้ใช้สามารถใช้ IMA เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของระบบปฏิบัติการผ่าน digital signatures and hashes ซึ่งช่วยตรวจจับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานที่ผิดปกติ ทำให้จำกัด การบุกรุกระบบได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ Red Hat Enterprise Linux 9 จะใช้งานได้กับ IBM Cloud เพื่อเพิ่มทางเลือกด้านสถาปัตยกรรมและสภาพแวดล้อมด้านโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ต่าง ๆ ให้กับองค์กร และยังเสริมคุณสมบัติและความสามารถต่าง ๆ ด้านความปลอดภัยที่สำคัญของระบบ IBM Power Systems และ IBM Z การจับคู่ความสามารถ ด้านฮาร์ดแวร์ที่เน้นเรื่องความปลอดภัยจากสถาปัตยกรรมของ IBM เข้ากับประสิทธิภาพความปลอดภัยของ Red Hat Enterprise Linux 9 เป็นการมอบนวัตกรรม ความแข็งแกร่ง และความสามารถด้านความปลอดภัยที่องค์กรจำนวนมากต้องการในการประมวลผลแบบไฮบริดคลาวด์

ระบบอัตโนมัติและการพัฒนาด้านไฮบริดคลาวด์อย่างต่อเนื่อง

การที่ระบบไอทีต่าง ๆ ขยายตัวเพื่อให้รับมือกับเวิร์กโหลดและฟุตพริ้นท์ที่หลากหลายได้อย่างครอบคลุม ทำให้ทีมทำงานด้านไอทีนำระบบ และเครื่องมืออัตโนมัติมาใช้เป็นตัวช่วยที่ทรงพลัง Red Hat Enterprise Linux 9 ช่วยให้องค์กรด้านไอทีได้ใช้ระบบอัตโนมัติกับไฮบริดคลาวด์ทั้งหมด ด้วยความสามารถต่าง ๆ ที่ปรับไว้อย่างเจาะจงในการช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ

แพลตฟอร์มนี้นำเสนอ Red Hat Enterprise Linux System Roles ซึ่งมอบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติสำหรับการสร้างการกำหนดค่าระบบที่เฉพาะเจาะจง Red Hat Enterprise Linux 9 ยังสร้างตัวเลือกเพิ่มเติม คือ การเพิ่ม System Roles for Postfix ใหม่, คลัสเตอร์ที่พร้อมใช้งานสูง, ไฟร์วอลล์, Microsoft SQL Server, web console และอื่น ๆ

นอกจากนี้ Red Hat Enterprise Linux 9 ยังรองรับ kernel live patching จาก Red Hat Enterprise Linux web console ช่วยให้องค์กรด้านไอทีสามารถจัดการกับงานสำคัญได้โดยอัตโนมัติตามปริมาณที่ต้องการ ซึ่งเป็นการช่วยให้ทีมทำงานด้านไอทีสามารถทำการอัปเดทการใช้งานระบบแบบกระจายขนาดใหญ่ได้โดยไม่ต้องเข้าใช้เครื่องมือ command line ช่วยให้จัดการปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในดาต้าเซ็นเตอร์หลัก มัลติคลาวด์ หรือ edge

สำหรับ Microsoft นั้น Red Hat Enterprise Linux 9 เป็นการต่อยอดความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Microsoft เมื่อปี 2558 และขณะนี้พร้อมใช้งานบน Microsoft Azure โดยมอบโครงสร้างพื้นฐานพร้อมใช้ให้กับเทคโนโลยีหลักของ Microsoft รวมถึง Microsoft SQL Server อันนับเป็นความสำเร็จจากความร่วมมือด้านวิศวกรรมกับ Microsoft ซึ่งรวมถึงโมดูลนำร่องการปรับแต่งประสิทธิภาพ โปรไฟล์ที่ได้รับการปรับแต่ง บทบาทระบบ SQL Server ที่ขับเคลื่อนโดย Ansible และอื่น ๆ อีกมาก นอกจากนี้ Red Hat Enterprise Linux 9 ยังสนับสนุนการพัฒนา .NET และแอปพลิเคชันอย่างเต็มรูปแบบต่อเนื่อง โดยการนำแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่สร้างโดยแพลตฟอร์มการพัฒนาของ Microsoft มาสู่แพลตฟอร์ม Linux ระดับองค์กรที่มีประสิทธิภาพแนวหน้าของโลก

การวางจำหน่าย

Red Hat Enterprise Linux 9 จะพร้อมใช้งานทั่วไปในอีกไม่กี่สัปดาห์ถัดจากนี้ ผ่าน the Red Hat Customer Portal และผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ นอกจากนี้ นักพัฒนายังสามารถเข้าใช้งาน Red Hat Enterprise Linux 9 ผ่านโปรแกรม Red Hat Developer ต่าง ๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยสามารถเข้าใช้ซอฟต์แวร์ วิดีโอแสดงวิธีการใช้ต่าง ๆ การสาธิต คู่มือเริ่มต้นใช้งาน เอกสารประกอบ และอื่น ๆ อีกมาก

คำกล่าวสนับสนุน

แมทธิว ฮิกส์, รองประธานบริหาร ฝ่ายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี, Red Hat
"ไม่ว่าจะเป็นพับลิคคลาวด์ขนาดใหญ่และอุปกรณ์ edge ชิ้นเล็ก ๆ ไปจนถึงคอนเทนเนอร์แอปพลิเคชันที่เรียบง่าย และเวิร์กโหลดปัญญาประดิษฐ์ที่ซับซ้อน ไอทีที่ทันสมัยล้วนเริ่มต้นด้วย Linux ในฐานะแพลตฟอร์ม Linux ระดับองค์กรที่เป็นเทคโนโลยีชั้นนำของโลก Red Hat Enterprise Linux 9 ได้ขยายศักยภาพไปทุกแห่งหนที่ต้องการทั่วทั้งโอเพ่นไฮบริดคลาวด์และอื่น ๆ และจับคู่กับแกนหลักที่เชื่อถือได้ของ Linux ระดับองค์กรเข้ากับปัจจัยเร่งให้เกิดนวัตกรรมของชุมชนโอเพ่นซอร์ส Linux เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว และ Linux นั้นก็คือ Red Hat Enterprise Linux"

เฟรด เวอร์เดน, รองประธาน, AWS Commercial Software Services
"AWS และ Red Hat ได้รวมมือกันมอบโซลูชันการประมวลผลบนคลาวด์ที่พร้อมใช้สำหรับองค์กรให้กับลูกค้ามานานกว่าทศวรรษ ปัจจุบันเรานำ Red Hat Enterprise Linux 9 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Linux ที่เป็นนวัตกรรมที่มีความเสถียรมาทำงานร่วมกับ AWS ซึ่งช่วยให้ลูกค้าของเรารันเวิร์กโหลดที่สำคัญบนอินสเตนซ์ที่มีอยู่มากกว่า 500 ประเภท รวมถึงโปรเซสเซอร์ ARM-based AWS Graviton ที่ล้ำหน้าที่สุดซึ่งขับเคลื่อน Amazon EC2 instances รุ่นล่าสุด"

ฮิลเลรี ฮันเตอร์, ผู้จัดการทั่วไป, Cloud Industry Platforms and Solutions, CTO, IBM Cloud
"IBM Cloud ช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากสถาปัตยกรรมโอเพ่นคลาวด์ เพื่อเร่งแนวทางขับเคลื่อนนวัตกรรม ในขณะเดียวกันก็ยังคงความสำคัญด้านความปลอดภัยและความยืดหยุ่นไว้เป็นสำคัญ ด้วยการสนับสนุนของ Red Hat Enterprise Linux ลูกค้าของเราโดยเฉพาะที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการควบคุมที่เข้มงวด เช่น บริการทางการเงิน สามารถมั่นใจได้ว่าองค์กรเหล่านี้ได้ใช้สภาพแวดล้อมที่ออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัย และมีความสามารถระดับที่ใช้ในองค์กร การที่องค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญสูงกับระบบความปลอดภัย การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และความทันสมัย สภาพแวดล้อมนี้สามารถช่วยพวกเขาบริหารจัดการเวิร์กโหลดทุกสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์ที่ใช้อยู่ เพื่อมอบประสบการณ์ที่คงเส้นคงวาและสอดคล้องกัน"

โอมาร์ คานท์, ผู้จัดการทั่วไป, Azure Infrastructure, Microsoft Corporation
"เรามุ่งมั่นช่วยลูกค้าของเราในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องในขณะที่พวกเขาย้ายไปยังคลาวด์การที่ธุรกิจต่าง ๆ ขยายเวิร์กโหลดไปยัง edge โซลูชันต่าง ๆ เช่น Red Hat Enterprise Linux on Microsoft Azure ที่นำเสนอประโยชน์มากมายให้กับองค์กร รวมถึงเวิร์กโหลด Red Hat Enterprise Linux อัตโนมัติผ่าน Red Hat Ansible Automation Platform on Azure.”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทางการติดต่อกับ Red Hat

Share this post

Submit to FacebookSubmit to TwitterSubmit to LinkedIn