Nokia VS Apple ใครจะอยู่ใครจะไป

ดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งาน
 

โนเกียยื่นฟ้องแอปเปิ้ล อิงค์ อีกครั้ง ข้อหาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หลากหลายเทคโนโลยีที่ใช้บนไอแพด ไอโฟน รวมทั้งไอพอด ถือเป็นภารกิจหนึ่งในการฉุดรั้งการเติบโตของค่ายแอปเปิ้ลในช่วงขาขึ้น

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โนเกีย ผู้ผลิตมือถือรายใหญ่สัญชาติฟินแลนด์ ได้ยื่นฟ้องบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ ต่อคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศ สหรัฐอเมริกา (ITC) อีกครั้ง ในข้อหาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของโนเกีย   หลากหลายเทคโนโลยีที่ใช้บน โทรศัพท์มือถือไอโฟน เครื่องเล่นเพลงไอพอด แม้แต่แท็บเล็ตสุดฮิต ไอแพด ก็โดนกับเขาด้วย

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน ITC เพิ่งตีตกการฟ้องร้องครั้งที่แล้วของโนเกีย ระบุว่าจากการตรวจสอบไม่พบกรณีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาแต่อย่างใด โดยทางโนเกียเปิดเผยว่า จะรอดูผลการพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

นอกเหนือจากการฟ้องร้องใน สหรัฐอเมริกาแล้ว เมื่อปีที่ผ่านมา โนเกียยังไล่ฟ้องแอปเปิ้ลในหลายประเทศในยุโรป ได้แก่ อังกฤษ เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ ด้วยข้อหาใกล้เคียงกัน ขณะที่แอปเปิ้ลนั้นตอบโต้ในลักษณะใกล้เคียงกัน โดยระบุว่าโนเกียต่างหากที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของแอปเปิ้ล

โน เกียออกแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าวว่า การฟ้องร้องครั้งล่าสุดของโนเกียที่มีต่อแอปเปิ้ลนั้น บ่งชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันแอปเปิ้ลละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของโนเกียทั้งสิ้น 46 กรณีเข้าไปแล้ว หลายกรณีเกิดขึ้นย้อนหลังไป 10 ปี ก่อนที่แอปเปิ้ลจะเปิดตัวไอโฟนด้วยซ้ำ แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีของโนเกียอยู่ในตลาดมาก่อน

"โนเกียถือเป็น ผู้นำในนวัตกรรมเทคโนโลยีมือถือ   ซึ่งนำไปสู่การคิดค้นสุดยอดผลิตภัณฑ์ แอปเปิ้ลจึงควรหยุดพฤติกรรมที่กระทำอยู่เสีย หยุดผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีของโนเกียได้แล้ว"

 

 

สำนักข่าวเอพีวิเคราะห์ว่า การฟ้องร้องระหว่างผู้ผลิตมือถือมาพร้อมๆกับการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างผู้ ผลิตด้วยกันเอง ในการแย่งส่วนแบ่งตลาดผู้ใช้ในภาวะที่ความนิยมมือถือถึงจุดสูงสุด โดยเฉพาะมือถือที่ใช้งานตอบสนองความต้องการได้หลากหลาย

ดังนั้น ไม่เฉพาะแต่โนเกียเท่านั้นที่มีคดีฟ้องร้องแอปเปิ้ล ฝั่งแอปเปิ้ล รวมทั้งผู้ผลิตอื่นๆ ทั้งไมโครซอฟท์ โมโตโรล่า เอชทีซี ต่างก็ฟ้องร้องกันไปมา อย่างน้อยก็เพื่อพยายามขยายส่วนแบ่งตลาดของตน โดยข้อหาที่ฟ้องร้องกันส่วนใหญ่ ได้แก่ วิธีการแตะสัมผัส ใช้งานบนจอทัชสกรีน การให้บริการบนแอพสโตร์หรือร้านค้าออนไลน์ การใช้งานอีเมล์ ปฏิทิน สมุดรายชื่อ ตลอดจนวิธีการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ เกือบทุกฟังก์ชันบนมือถือ  ตั้งแต่ฟังก์ชันธรรมดาไปจนถึงฟังก์ชันที่ซับซ้อน

ส่วนข้อฟ้องร้อง ใหม่ของโนเกียนั้นประกอบด้วย การละเมิดเทคโนโลยีแบบ Multitasking การส่งถ่ายข้อมูล เทคโนโลยีด้านคุณภาพการโทร.ออก และการใช้บลูทูธ เป็นต้น

แม้ ว่าการฟ้องร้องดังกล่าวจะไม่มีผลต่อการขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภค   แต่มันอาจทำให้ผู้ชนะสามารถเรียกค่าธรรมเนียมจากการใช้งานเทคโนโลยีที่ พิสูจน์ทราบได้ว่าเป็นของพวกเขาจริง ที่สำคัญคดีความ ข้อฟ้องร้องได้กลายเป็นเครื่องมือบั่นทอนคู่แข่งและเป็นอุปสรรคในการทำ ธุรกิจไม่น้อย

ช่วงที่ผ่านมา โนเกีย ในฐานะเจ้าตลาด กำลังประสบปัญหาสูญเสียส่วนแบ่งให้แก่คู่แข่งหน้าใหม่มาแรง ทั้งไอโฟนจากค่ายแอปเปิ้ล และแบล็กเบอร์รี่ของรีเสิร์ช อิน โมชั่น (RIM)

จาก ข้อมูลของโนเกียระบุว่า โนเกียใช้เงินลงทุนกว่า 43,000 ล้านยูโร ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมาในงานวิจัย พัฒนา คิดค้นผลิตภัณฑ์ไร้สายที่แข็งแกร่งที่สุด และนั่นเป็นที่มาของสิทธิบัตรต่างๆ ที่โนเกียเป็นเจ้าของกว่า 10,000 ชิ้นงาน.

 

อ้างอิงจาก http://www.thairath.co.th/

Share this post

Submit to FacebookSubmit to TwitterSubmit to LinkedIn